Show simple item record

dc.contributor.authorPrompayuk, Supojen_US
dc.contributor.authorสุพจน์ พรหมพยัคฆ์en_US
dc.date.accessioned2020-09-13T03:39:18Z
dc.date.available2020-09-13T03:39:18Z
dc.date.issued2020-09-13
dc.identifier.urihttp://repository.rmutp.ac.th/handle/123456789/3406
dc.descriptionรายงานวิจัย -- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร, 2557en_US
dc.description.abstractในปัจจุบัน พื้นที่หรือชุมชนที่มีความสาคัญและคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ที่ สมควรดารงรักษาคุณค่าไว้อย่างยิ่งนั้นกาลังจะสูญสลาย อันเนื่องมาจากการพัฒนาเมือง ปัญหาด้าน กรรมสิทธิ์ที่ดิน และการขาดทรัพยากรในการที่จะดารงรักษาสิ่งที่มีคุณค่าในชุมชน รวมถึงโครงสร้าง ครัวเรือนที่เปลี่ยนแปลงไป หรือในกรณีที่พื้นที่หรือชุมชนมีการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ทว่าการ พัฒนาและบริหารจัดการบางอย่างยังขาดซึ่งองค์ความรู้ที่จะทาให้พื้นที่นั้นยังรักษาคุณค่าเอาไว้มิให้ถูก ทาลายลงจากการพัฒนาแบบผิดๆ ซึ่งในท้ายที่สุดพื้นที่นั้นก็จะหมดคุณค่าและไม่สามารถพัฒนาเป็น แหล่งท่องเที่ยวได้อีก ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของงานวิจัยนี้ ซึ่งมุ่งหาคาตอบว่าจะทาการบริหารจัดการสภาพแวดล้อมทางกายภาพในพื้นที่ดังกล่าวอย่างไร ที่จะรักษาคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม รวมถึงการท่องเที่ยวไว้ โดยมีจุดยืนอยู่บนแนวคิดของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นแนวคิดของการพัฒนาที่เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง โดยสมมติฐานของงานวิจัยนี้ได้แก่สภาวะเศรษฐกิจสังคม โครงสร้างครัวเรือน และการรับรู้ถึงคุณค่าต่อสถาปัตยกรรมและสภาพแวดล้อม รวมถึงลักษณะของสภาพทางกายภาพของสถาปัตยกรรมและสภาพแวดล้อมในพื้นที่นั้นๆ น่าจะมีอิทธิพลก่อให้เกิดโอกาสในการพัฒนาเพื่อก่อรายได้จากสถาปัตยกรรม รวมถึงความน่าจะเป็นในการอนุรักษ์ โดยที่ระเบียบวิธีวิจัยจะประกอบด้วย อันดับแรกคือการศึกษาลักษณะเฉพาะของพื้นที่ ซึ่งได้แก่ สภาพทางกายภาพของสถาปัตยกรรมและสภาพแวดล้อม สภาวะเศรษฐกิจสังคมและโครงสร้างครัวเรือน ที่จะส่งผลต่อปัญหาและความน่าจะเป็นในการอนุรักษ์ อันดับต่อมาคือการศึกษาการรับรู้ต่อคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของพื้นที่ดังกล่าว ของผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่และนักท่องเที่ยวรวมถึงสถาปนิกนักออกแบบชุมชนเมืองหรือนักผังเมือง ในประเด็นของเอกลักษณ์ของพื้นที่และศักยภาพในการตอบสนองต่อความต้องการของนักท่องเที่ยว จากนั้นจึงทาการศึกษาหาความเชื่อมโยงระหว่างบริบทต่างๆของพื้นที่ศึกษาข้างต้น กับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการอนุรักษ์และการพัฒนาของพื้นที่ศึกษานั้นๆ และทาการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างพื้นที่หลายพื้นที่ที่มีความแตกต่างกันซึ่งในท้ายที่สุด งานวิจัยนี้คาดว่าจากการศึกษาข้างต้น จะสามารถค้นพบรูปแบบ (Pattern) ของความสัมพันธ์ระหว่างบริบทต่างๆของพื้นที่หรือชุมชนนั้นๆ กับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจาการพัฒนา รวมถึงสาเหตุของรูปแบบดังกล่าว เพื่อในที่สุดจะสามารถนาสิ่งที่ค้นพบจากการวิจัยนี้ มาสรุปและเสนอแนะเป็นแนวทาง (Guideline) ในการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมทางกายภาพที่ส่งเสริมเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน รวมถึงเสนอแนะนโยบายภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนกิจกรรมของการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนen_US
dc.description.sponsorshipRajamangala University of Technology Phra Nakhonen_US
dc.language.isothen_US
dc.subjectEnvironment managementen_US
dc.subjectการบริหารสภาพแวดล้อมen_US
dc.subjectphysical environmenten_US
dc.subjectสภาพแวดล้อมทางกายภาพen_US
dc.subjectculture and tourismen_US
dc.subjectวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวen_US
dc.titleแนวทางการบริหารจัดการสภาพแวดล้อมทางกายภาพ ของพื้นที่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว: เปรียบเทียบระหว่างกรณีศึกษาของประเทศพัฒนาแล้ว และประเทศกำลังพัฒนาen_US
dc.typeResearch Reporten_US
dc.contributor.emailauthor[email protected]en_US
dc.contributor.emailauthor[email protected]en_US


Files in this item

Thumbnail

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record